วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

ผมยอมรับได้นะครับ หากรัฐบาลตกลงจะยุบสภาภายใน 3 เดือน เพื่อยกระดับสงครามทางความคิด

บท ความโดยลูกชาวนาไทย

หลาย ฝ่ายอาจวิจารณ์ว่า เป้าหมายการให้ "ยุบสภา" เป็นเป้าหมายที่เล็กและไม่เหมาะสม โดยเฉพาะฝ่ายแดงฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย แต่หากคิดให้ลึกซึ้งการยุบสภา เป็นเป้าหมายทาง "ยุทธวิธี" เท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์แต่อย่างใด เป้าหมายทางยุทธศาสตร์คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองไทยให้เป็นประชาชธิปไตยที่สมบูรณ์

แต่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองใด ๆ ได้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง "โครงทางทางความคิด" ของประชาชนในสังคมนั้นเสียก่อน เพราะหากโครงสร้างทางความคิดของผู้คนยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองอย่างไร มันก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ดูได้จาก ประเทศไทยเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิ์ราชย์ มาเป็นประชาธิปไตย กว่า 78 ปีแล้ว แต่คนไทยที่ยังนับถือ "ระบอบซาบซึ้ง" อยู่ ในที่สุดประเทศไทย ก็ยังเป็นระบอบ "เทวราชา" หรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในความคิดของผู้คนอยู่ หาได้เป็นประชาธิปไตย แต่อย่างใดไม่

อำนาจ ของราชสำนัก และเครือข่ายของคนที่อยู่ใกล้ชิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ยังคงมีมากมายเหนือรัฐธรรมนูญอยู่ แม้ ว่าจะมีรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรที่เป็นประชาธิปไตย แต่ "รัฐธรรมนูญทางจิตใจ" ก็ยังเป็นระบอบราชาธิปไตยอยู่

เมือง ไทย เลยไม่ได้มีประชาธิปไตย แต่อย่างใด



แต่สามปีมานี้ โครงสร้างทางความคิดของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปมาก มากกว่าที่เคยเปลี่ยนแปลงมา 75 ปี ก่อนหน้านี้ "รัฐธรรมนูญทางจิตใจ" ของประชาชนได้เปลี่ยนจากระบอบราชาธิปไตยไปแล้ว และหน่อของระบอบประชาธิปไตยได้เติบโตขึ้นแล้ว ระบอบซาบซึ้ง ได้ตายสนิทของไปแล้ว "รัฐธรรมนูญลาลลักษณ์อักษร” ในที่สุดแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงตามมาในที่สุด


ดังนั้น การเจรจากับรัฐบาลชองแกนนำเสื้อแดงครั้งนี้ ระหว่างคุณวีระ คุณจตุพร และ คุณหมอเหวง หากมีข้อสรุปว่า จะมีการยุบสภาในเงื่อนไขเวลาใด เช่น 3 เดือน ผมก็ยอมรับได้ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเราคือ “ต้องการยกระดับสงครามขึ้นไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางจิตใจ” ของประชาชน

ไม่ต้องกลัวว่า รัฐบาลจะโกหก เพราะเราสามารถนัดชุมนุมใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อเงื่อนไขเวลานั้นมาถึง เพื่อที่จะทวงถาม

ในระหว่างนี้ คนเสื้อแดงจะได้เดินยุทธวิธี การจัดตั้งเครือข่ายต่อไป โดยใช้ โรงเรียน นปช. เป็นแกนหลักในการจัดตั้งเครือ ข่ายติดอาวุธทางความคิด และให้ผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมทั้งหมดแปรสภาพเป็น “ผู้ปฎิบัติงานทางความคิด” ของคนเสื้อแดงต่อไป

ต้องยอมรับว่า สงครามนี้เป็น “สงครามยืดเยื้อ” การต่อสู้กับอาณาจักรเทพเจ้า ต้องทำลายความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และอุปสรรคทางด้านจิตใจให้หมดเสียก่อน

ก็อย่างที่ผมเคย เขียนบทความไว้ว่า แนวรบของคนเสื้อแดงมี 2 แนวรบ ที่ไม่ประสานงานกัน คือ แนวรบบนดินของ นปช. และแนวรบใต้ดินต่างๆ เช่น นปช.ยูเอสเอ+ชูพงษ์ เป็นต้น ผมให้น้ำหนักของแนวรบใต้ดินในการทำสงครามทางความคิด ต่าง ๆ เช่น การแจกซีดี หรือ เผยแพร่ความคิดผ่านช่องทางต่างๆ แนวรบนี้เป็นการมุ่งทำลาย “อาณาจักรเทพเจ้า” และความศักดิ์สิทธิ์ลง และมุ่งสถาปนา “รัฐธรรมนูญทางจิตใจ” ของผู้คนให้สมบูรณ์

ส่วนแนวรบบนดินนั้น มุ่งสร้างเครือข่ายการจัดตั้ง และผู้ปฎิบัติงานต่างๆ ของคนเสื้อแดง เพื่อเอาชนะทางการเมืองอาจจะผ่านการเลือกตั้งหรืออย่างอื่นก็ตามแต่มันคือ พรรคการเมืองมวลชนของคนเสื้อแดง

เมื่อกำลังการจัด ตั้งสมบูรณ์ การสถาปนารัฐธรรมนูญทางจิตใจสมบูรณ์ ชัยชนะทางการเมือง ก็มองเห็นได้อยู่แล้ว เพราะประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางความคิดไปแล้ว โครงสร้างทางการเมือง ก็จะเปลี่ยนแปลงตามมาในที่สุด

การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ใดๆ ต้องการเวลา การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยในขณะนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน ไม่มีที่ทางให้กับระบอบซาบซึ้งอีกต่อไป ก็ต้องการเวลาสำหรับการเปลี่ยนโครงสร้างทางความคิดของผู้คนอีกต่อไป

เครือข่ายของคน เสื้อแดง ซึ่งในขณะนี้ ผมคิดว่ามีความสมบูรณ์มากแล้ว แม้แต่โครงสร้างทางความคิดของคนเสื้อแดงที่เข้ามาร่วมชุมนุมจะเปลี่ยนแปลง มากแล้ว แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์อย่างแท้จริง บางคนก็ยังไม่ตาสว่างอย่างแท้จริง แต่ก็พอจะทราบข้อมูลมากแล้ว เพราะการชุมนุมที่ผ่านมา16 วัน การไหลเวียนของข้อมูลในระดับวงการสนทนา ย่อยนั้น มีมากมายมหาศาลแล้ว และรู้ว่า “ใครคือตัวปัญหาที่แท้จริงในขณะนี้แล้ว”