วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

ใครจะล้มเจ้า?

โดย จักรภพ เพ็ญแข
ที่มา คอลัมน์ “ผมเป็นข้าราษฎร” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์วิวาทะ Thai Red News ปีที่ 1 ฉบับที่ 30
27 ธันวาคม 2552

สมัย ก่อนเขาใช้ข้อกล่าวหาคอมมิวนิสต์มาใส่ร้ายป้ายสีทางการเมือง เพื่อทำลายศัตรูคู่แข่งหรือคนที่ตัวคิดว่าเป็นภัยคุกคาม เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปใช้ข้อกล่าวหาว่าจะ “ล้มเจ้า” มาทำลายแทน


เพื่อสื่อสารว่ามีคนคิดเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นในเมืองไทย

แล้ว ก็แจ้งความ กล่าวหา ส่งสำนวน และสั่งฟ้องกันให้ชุลมุนไป ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เมื่อมวลชนใส่เสื้อเหลืองปรากฏตัวขึ้นอย่างดุดันก้าวร้าว มุ่งโค่นล้มรัฐบาลของฝ่ายประชาชนอย่างเป็นระบบและมีแรงสนับสนุนที่ดียิ่ง

จนต่อมามีการจับกุมคุมขังเกิดขึ้นหลายสิบรายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศตามการจุดชนวนนั้น

โชค ดีที่การรณรงค์ของระบอบคอมมิวนิสต์ในระดับโลกสิ้นสุดลงไปพร้อมกับสงครามเย็น แต่น่าสนใจว่าข้อหาคอมมิวนิสต์ใหม่คือ “ล้มเจ้า” จะไปจบลงตรงไหน เนื่องจากเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน กรณีคอมมิวนิสต์มีที่มาของเรื่องที่ชัดเจนและเป็นปรากฏการณ์ในหลายประเทศ ทั่วโลก แต่กรณีหลังขาดทั้งความชัดเจนทางกฎหมายและมีลักษณะครอบงำทางสังคมจนไม่ต้อง ถามเหตุผล

ที่สำคัญคือเป็นปรากฏการณ์เฉพาะตัวของเมืองไทยที่สังคมโลกกำลังจับตามองอย่างสงสัย

สถาบันพระมหากษัตริย์มีอยู่ในหลายประเทศ แต่ไม่ปรากฏว่าประเทศใดยกเรื่องนี้ขึ้นมาไล่ล่าขับเคี่ยวกันอย่างนี้

หลาย ประเทศไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแปลว่ากระไร ยกเว้นฝรั่งเศส ซึ่งก่อการปฏิวัติประชาชนโค่นล้มกฎหมายประเภทนี้โดยตรง เราจึงรับมรดกเก่าๆ ของเขามาเรียกกันว่า les majesty

แต่เอาเถิด เมื่ออุตส่าห์ขุดค้นมาใช้งานกันถึงขนาดนี้แล้ว ตั้งวงคุยกันสักหน่อยไม่เสียหายอะไรไปมากกว่านี้หรอกครับ

สิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสถาบันพระมหากษัตริย์ของทุกประเทศทั่วโลกคือ พระราชอำนาจ

พระ ราชอำนาจนั้นมีหลายทาง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอำนาจทางการเมือง ซึ่งรวมทั้งพิธีการและงานเฉพาะกิจอย่างสงคราม อำนาจทางสังคม และอำนาจทางวัฒนธรรม ส่วนอำนาจทางเศรษฐกิจนั้นไม่มีมากนักในสถาบันกษัตริย์ของโลก

ข้อกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจึงแปลว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำการที่ถือว่าหมิ่นอานุภาพอันล้นพ้นและยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน
การหมิ่นพระราชอำนาจจึงเป็นหัวใจของเรื่อง
แต่ คนที่มุ่งทำลายศัตรูเพื่อหวังผลทางการเมือง เขานำข้อกล่าวหาเรื่องการหมิ่นพระราชอำนาจมาขยายจนเป็นการล้มเจ้าหรือทำให้ คนทั่วไปคิดไปถึงขนาดนั้น

คนละเรื่องกันแท้ๆ ก็เอามาคลุกเคล้ากันจนเกิดความเสี่ยงต่อสถาบันเอง ตามคำโบราณว่าเสี่ยงพระมหากษัตริย์

ข้อ กล่าวหาว่า “ล้มเจ้า” หมายความว่ามีขบวนการอย่างเป็นรูปธรรมที่ทำงานยึดโยงกันเป็นหมู่คณะ มีแผน มีหน่วยปฏิบัติการอะไรต่างๆ มากมาย แม้กระทั่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ฟังดูน่ากลัวยิ่งนัก

แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหา ถูกไล่ล่า และถูกจับกุมแต่ละราย กลับเป็นบุคคลเดี่ยวๆ ที่กระทำการต่างกรรมต่างวาระกันอย่างชัดเจนไม่มีความเชื่อมโยงกัน

หาก ขบวนการอย่างนี้มีจริง และผู้ที่มีหน้าที่ที่อ้างความจงรักภักดีทั้งหลายไม่นำออกมาให้สังคมได้เห็น เป็นประจักษ์ ก็เท่ากับว่าผู้ที่ขยันกล่าวหาคนอื่นนั่นเองที่เป็นตัวการสำคัญในเรื่องนี้ เพราะละเว้นไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญ

ส่วนข้อเสวนาเรื่องพระ ราชอำนาจนั้น มีความสำคัญต่ออนาคตของบ้านเมืองอย่างที่สุด เพราะจะนำไปสู่ทางออกทางการเมืองหรือจะสร้างปัญหายิ่งไปกว่านี้ก็ได้

พระ ราชอำนาจมิใช่สิ่งที่ทรงใช้โดยพระมหากษัตริย์เท่านั้น ยังมีผู้ที่ใช้พระราชอำนาจอย่างที่เรียกว่าทำหน้าที่ในพระปรมาภิไธยอีกเป็น จำนวนมากในเมืองไทย เช่น ตุลาการผู้ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ “ศาล” ผู้มีอำนาจโยกย้ายข้าราชการระดับสูง องคมนตรี เป็นต้น

แม้กระทั่งพระ บรมวงศานุวงศ์และคนทั่วไปที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้แทนพระองค์ในบางกรณี ก็ใช้พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์อยู่ในห้วงเวลานั้นๆ

รวมความแล้วพระราชอำนาจของกษัตริย์ถือเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจรัฐ

อำนาจ รัฐคือเงื่อนไขสำคัญที่บอกเราว่า จะเขียนรัฐธรรมนูญและบังคับใช้รัฐธรรมนูญอย่างไรให้เกิดความเป็นระเบียบ เรียบร้อยและป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในรัฐ

รัฐธรรมนูญคือ สิ่งที่ระบุว่าคนทุกๆ คนในรัฐนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เช่น กษัตริย์กับราษฎร เจ้าหน้าที่ของรัฐกับประชาชน ข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน สิทธิและหน้าที่ของปัจเจกบุคคล เป็นต้น

ข้อ เสวนาในเวลาอันควรเพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอดได้ จึงต้องเกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะสามปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดการกล่าวอ้างพระราชอำนาจหรือแม้แต่สงสัยกันว่าแอบอ้างพระราชอำนาจ บ่อยครั้งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

จริงหรือปลอมก็ถือว่ามีผลกระทบใน ทางลบทั้งนั้น เพราะการเมืองที่แล้วมาสามปีเป็นแบบ “ขวาพิฆาตประชาธิปไตย” ใครรับอุปถัมภ์ไว้เป็นซวยทุกคน ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้น

จึงขอเตือน มายังคนที่ชอบกล่าวหาคนอื่นเรื่อง “ล้มเจ้า” ว่า หากเจตนาคือการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ จงหยุดการกระทำเช่นนี้ในทันที แต่ถ้าเจตนาเร้นลับคือการทำให้สถาบันฯ เสียหาย ก็ขอให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ พิจารณาโดยใช้สติปัญญาอย่างแยบคาย หรือ โยนิโสมนสิการ

ขนาดยอมให้โจรมาจัดงานที่เรียกว่ามหามงคล จะช่วยเสริมหรือทำให้ทรุด ใช้พุทธปัญญากันเอาเอง.


ปก ป้องสถาบัน?-นับแต่สนธิ ลิ้มทองกุล และขบวนการเสื้อเหลืองใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อชัยชนะของตนเอง และอ้างว่าปกป้องสถาบัน ทั้งกล่าวหาว่าทักษิณและฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยต้องการล้มสถาบัน ก็ทำให้กระทบกระเทือนต่อเบื้องสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ การเมืองไทย

เธอผู้นี้เพิ่งถูกตัดสินจำคุกถึง 18 ปี



ใน หน้า A5 ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม 2552 มีภาพขาวดำขนาดประมาณ 1x1 นิ้ว ของหญิงคนหนึ่ง เธอกำลังยิ้ม ตั้งท่าราวกับหญิงงามในภาพวาดอันโด่งดังของ เลโอนาร์โด ดา วินชี --โมนา ลิซ่า

แต่สิ่งที่ออกจะต่างกันอยู่สักหน่อยคือ เธอผู้นี้เพิ่งถูกตัดสินจำคุกถึง 18 ปีในข้อหา ดูหมิ่นกษัตริย์!

ใช่แล้ว เธอคือ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือที่รู้จักกันดีในนาม ดา ตอร์ปิโด

ประเทศ ไทย: หมิ่นกษัตริย์ -- ถูกจำคุก 18 ปีคือพาดหัวข่าวของรายงานข่าว ยาวสองย่อหน้าของ The New York Times ชิ้นนี้ ซึ่งเขียนโดยโทมัส ฟูลเลอร์ ผู้สื่อข่าวประจำประเทศไทย

(คุณสามารถอ่านข่าวเวอร์ชั่นออนไลน์ได้ที่นิวยอร์กไทม์

นัก เคลื่อนไหวทางการเมืองถูกตัดสินจำคุก 18 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในข้อหาทำลาย ชื่อเสียงและเกียรติยศของกษัตริย์และราชินีไทย ซึ่งคดีนี้เป็นหนึ่งในอีกหลายคดีที่เกี่ยวกับการดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ผู้พิพากษาทั้งสามคนกล่าวว่า ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ซึ่งเป็นอดีตนักข่าว ได้กล่าวพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ . . . [ผู้เขียนเซ็นเซอร์คำออกหนึ่งคำ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ] . . . รัฐประหารเพื่อล้มอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งดารณีกล่าวว่า เธอจะยื่นอุทธรณ์

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุ ภาพที่เข้มงวดมาเป็นเวลายาวนาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีวิกฤติทางการเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผนวกกับความกังวลถึงพระพลานามัยของกษัตริย์ผู้ทรงเจริญพระชนมายุ 81 พรรษา กฎหมายนี้ก็ถูกนำมาบังคับใช้บ่อยจนเป็นเรื่องปกติ

เมื่อได้อ่านข่าวนี้แล้ว คุณผู้อ่านที่รักเห็นว่าอย่างไรบ้าง

เพื่อน ของผู้เขียนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงชาวอเมริกันผิวขาว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า ข่าวของดาทำให้เธอนึกถึงประเทศเกาหลีเหนือ

มันตลกมาก . . . ฉันหมายความว่า มันทำให้ฉันขนลุก ในยุคนี้ เธอไม่น่าต้องเข้าคุกถึง 18 ปีเพราะการดูหมิ่นกษัตริย์

ล้าหลัง . . .

มันไร้สาระจริงๆ . . .

ยุคมืด . . . มันบั่นทอนประชาธิปไตย

เธอขอที่จะไม่เปิดเผยชื่อ (เพื่อที่เธอจะได้มาพักผ่อนในช่วงวันหยุดในประเทศไทยได้อย่างไม่มีปัญหา)

คนต่อมา: เพื่อนร่วมงานหญิงชาวนิวซีแลนด์

มัน เป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ฉันคิดว่า มันเป็นเรื่องน่าขัน และมันก็ได้ทำให้ประเทศไทยดูแย่มากๆ ในตอนนี้ ถ้า [มีกฎหมายอย่างนี้] ในประเทศอังกฤษ คนกว่าครึ่งประเทศคงต้องเข้าคุกไปแล้วกระมัง ฉันสงสัยว่า การมีกฎหมายแบบนี้ ราวกับว่าพวกเขา . . . [ผู้เขียนเซ็นเซอร์คำพูดของเธอออกไปสามคำ] . . .. เบื้องหลัง ถ้าพวกเขาเป็นกษัตริย์ที่ดีและเป็นบุคคลที่น่าเคารพยกย่อง ก็ไม่สำคัญเลยว่าใครจะพูดอะไร

มันเหมือนกับว่า . . . [ผู้เขียนเซ็นเซอร์คำไปสี่คำ] . . . ซ่อนอยู่

เพื่อนร่วมงานชาวเม็กซิกันอีกคนหนึ่งกล่าวว่า

ฉัน คิดว่า มันเป็นเรื่องน่าอดสู จากมุมมองของตะวันตก มันเป็นความอัปยศอดสูของคนไทยที่ไม่สามารถพูด ... [ผู้เขียนเซ็นเซอร์คำหนึ่งคำ] ... ที่ได้รับรู้มาได้ และทำให้คำพูดเหล่านั้นเป็นที่รับรู้มากขึ้น พวกเขาจะทำลายตัวเองเพราะแบบนี้ การทำเช่นนี้ทำให้คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นมีพลังยิ่งขึ้น มันกลายเป็นรูปแบบหนึ่งของการควบคุมทางสังคมไปแล้ว

แต่ถ้าในที่สุดแล้ว ดาเลือกที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ดาก็ได้รับโทษจำคุกไปถึงหนึ่งปีแล้วใช่หรือไม่

เรา ต้องพิจารณาว่า กรณีของดายังคงทำให้อีกหลายๆ คนคิดว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และความเท่าเทียมภายใต้กฎหมายของระบอบ ประชาธิปไตยและมีผลเสียต่อความสามารถในการแสดงความคิดเห็น คิด พูด และเขียนของคนไทยมากน้อยแค่ไหน

หากถามต่อว่า กฎหมายหมิ่นบรมเดชานุภาพมีผลกระทบต่อสมองส่วนไหนของคนไทย นั่นก็คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองเป็นผู้ตอบ แต่ถ้าถามคนไทยผู้มีใจรักเสรีภาพ รักการแสดงความคิดเห็นและความเท่าเทียมแล้วล่ะก็ พวกเขาคงต้องตอบว่า มัน ทำร้ายจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างมาก

แม้ว่าบางสิ่งที่ดาพูดอาจจะ หยาบคาย และอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากแต่อนาคตจะเป็นเช่นไร ถ้าคนในสังคมถูกปิดปากและกดขี่ด้วยกฎหมายเช่นนี้

กฎหมายหมิ่นพระบรม เดชานุภาพ ยิ่งทำให้ความกลัวฝังรากลึกลงในสังคมไทย และยิ่งทำให้สถาบันกษัตริย์ถูกเชิดชูยกย่องอย่างไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งประชาชนไทยควรถามตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เขาสามารถหรือควรที่จะภูมิใจหรือไม่

ใครจะสามารถภูมิใจ ที่ประเทศเรามีกฎหมายอย่างนี้ได้ กฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรงเช่นนี้ ทำให้ประชาธิปไตยของไทยก้าวหน้าได้หรือ และกฎหมายนี้ได้ส่งผลเสียต่อการคิดวิเคราะห์ของคุณใช่หรือไม่


วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อเจ้าโดนวางยา


มีคำถามมากมายเรื่อง กฎมนเทียนบาล ของการครองราชย์ ของ ราชวงศ์ต่าง ๆว่า

1.ทำไมถึงห้ามกษัตริย์แต่งงานกับตระกูลอื่นทั้งที่ทำให้พระโอรสร่างกายไม่สมบูรณ์

2.ทำไมถึงให้ความสำคัญกับคนใกล้ชิดกับขุนนาง องคมนตรีมากเกินควร

เรื่องราวการวางยา ของคนในราชสำนักในทุกประเทศคล้ายกัน ใครเป็นคนคิดใครเป็นคนทำ อันนี้ดูได้จากเมื่อ กษัตริย์ เป็นอะไรไปคนที่ได้รับผลประโยชน์คือผู้ที่วางยานั้นคือคนใกล้ชิด ขุนนางทั้งหลาย หลายครั้งกษัตริย์เองพยายามที่จะเปลี่ยนกฎมนเทียนบาลต่างๆ ที่ไม่ดี มีผลกับตนก็โดนองคมนตรี ขุนนางเหล่าขัดขวาง ว่าผิด กฎมนเทียนบาล ผิดผี

ตัวอย่างที่1 เช่นเมื่อต้นรัชการใหม่ ส่วนใหญ่คนที่เป็นกษัตริย์ก็คือ ขุนนาง (เชื้อพระวงศ์ เก่า )เมื่อห้ามให้มีการแต่งงานกับคนนอกราชวงศ์ บุตรโอรสที่ออกมาก็เริ่ม พิการในแต่ละรุ่นยิ่งโอกาสมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ราชวงศ์ สูญผู้แข็งแรงและปกติ น้อยลง ทำให้ขุนนางเหล่านั้นแอบอ้าง ชักใยได้ง่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเหล่าอำมาต ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดหาผู้สืบสมบัติไม่ได้ การแย่งชิงอำนาจเพื่อเป็นราชวงศ์ ใหม่เกิดขึ้น

ใครเป็นราชวงศ์ใหม่ แน่นอนเหล่าอำมาตนั่นเอง

ตัวอย่างที่2 การที่ไม่ให้กษัติย์ พบปะประชาชนโดยตรง เหล่าอำมาตนี้ต้องการ แอบอ้างราชอำนาจของพระองค์กลั่นแกล้งราษฎรยิ่งทำให้ พระองค์ทรงเสื่อมเสียเป็นที่รังเกียจแก่ราษฎร อาจจะหนักถึงการ ล่มสลายได้ในทุกประเทศที่เคยปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ (ฝรั่งเศส รัสเซีย เนปาล อิร่าน แทบทุกประเทศเลย)

ตัวอย่างที่3 การเว้นช่องว่างของอำนาจสูงสุด คือ กษัตริย์ ให้มีการสำเร็จอำนาจ ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดี นั่นคืออำมาตนั่นเอง

ไม่ว่าอำมาตผู้นั่นจะดีสุดท้ายแล้วก็เกิดการสมยอมกับ เหล่าอำมาตกลุ่มนั้นอยู่ดี

ย้ำการล่มสลายของระบอบนี้มีมาแล้วทุกประเทศ เพราะการวางยาของเหล่าอำมาต ประเทศที่รอดมาได้(ญี่ปุ่น อังกฤษ)เพราะอะไรมาดูกัน(ทางแก้)

  1. ยกเลิกไปเลย ของเหล่าอำมาตองคมนตรี ให้เป็นหน้าที่ของสภาที่มากจากประชาชน (ญี่ปุ่น)หรือ ปรับคนเหล่านี้เข้าสภาที่มีเสียงเท่ากับ คนที่ประชาชนเลือกมา เช่นสภาขุนนาง (สภา LORD อังกฤษแต่สืบทอดได้ แต่ก็ส่วนน้อย)ประเทศไทยยังไม่ทำ!!.
  2. ให้เป็นกฎมายถาวร ว่าการลืบต่อราชบังลังค์ เป็นหน้าทีของ ราชวงศ์(พ่อแม่ ลูก หลาน เท่านั้น) ไม่รวมคนนอกและราชวงศ์สกุลอื่น ประเทศไทยยังไม่ทำ!!(กฎหมายสูงสุดยังแก้ได้ตลอดเมื่อมีการรัฐประการ ต้องห้ามมีการฉีกรัฐธรรมนูญ)
  3. การแต่งงาน ของนอกราชวงศ์ กับบุคคลธรรมดาให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายหรือประเพณี(ยิ่งมีกฎหมายห้ามแต่งงานกับเชื้อราชวงศ์ไปเลย)ญี่ปุ่นทำแล้ว เจ้าหญิงตัวน้อยแข็งแรง เป็น เชื่อจากบุคลธรรมดา อังกฤษ เลดี้ไดเอน่า บุคคลธรรมดาประเทศไทยยังไม่ทำ!!
  4. ทำกองทัพเป็นทหารอาชีพ โดยผู้บังคับกองทัพเป็นคนธรรมดา(US ญี่ปุ่น )
  5. อีกหลายเรื่อง ง่ายมาก เปิด รธน. ญี่ปุ่นเลย

แต่ปัญหาไม่ใช่ความไม่เข้าใจ ความไม่รู้ แต่ปัญหาเกิดจากการที่เหล่าอำมาตเหล่านี้วางยา ให้คนไทยแตกแยก เพื่อเอาตัวเองขึ้นมาเป็นราชวงศ์ต่อไป แต่เมื่อคนไทยแตกเป็น 2 สี จะไม่มีใครยอมเปลี่ยน เพราะทั้งหมด มันเป็นความต้องการของคนเสื้อแดง แต่ถ้าสีเหลือง สีขาว สีเขียว คิดว่าเป็นความต้องการของคนเสื้อแดงจะ คิดแย้ง ทั้งที่ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็จะไม่เห็นด้วย ถึงคุณจะเห็นด้วย แต่ไม่ต้องการใส่เสื้อแดง คุณทำได้

  • ให้ข่าวที่ดี กับคนเสื้อแดง
  • บอกความต้องการของเสื้อแดงออกไป
  • ช่วยกันขจัดกลุ่มอำมาตเหล่านี้ออกไปหรือให้สูญไปถึงจะเป็นความต้องการของราชวงศ์ ก็ต้องยกเลิกเพราะท่านโดนกลุ่มคนพวกนี้บังคับ และ แอบอ้างอยู่

ใช่บางที่ของดีมันต้องมีของแถม ได้ทักษิณกลับมาบางคนเกลียดทักษิณ บางคนไม่ต้องการ กล่าวหาเพราะโดนพวกอำมาตหลอกมากว่า 4 ปี อย่าลืมว่าทักษิณคือ นักเรียนตำรวจ มันท่องทุกวัน ว่าต้องจงรักภักดีท่องวัน หลายเที่ยวมากว่า หลายสิบปี คนนี้วางใจได้ แต่ถ้าไม่ชอบไล่มันไม่ยาก แต่อำมาตคุณไล่ยากต้องรอนานหรือไม่มีโอกาสเลย

คุณต้องทราบอีกว่า เงินทั้งประเทศ 80 เปอร์เซ็นอยู่ในคนกลุ่มนี้ ทั้งที่มีคนอยู่ไม่กี่คน แต่เงินอีก 20เปอร์เซ็น คนไทย 99 เปอร์เซ็นได้แค่เศษเงิน

ใครว่าเสื้อแดงล้มเจ้า เสื้อแดงจะเอาอะไรมาล้ม ประชาชนจะล้มได้ไง กองทัพไม่มี อาวุธ น้อยไม่ความเป็นไปได้เลย

แต่ถ้าเป็นกลุ่มคนเหล่า นี้ อำมาต กองทัพ ถ้าเขาทำทำง่ายมาก

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

สถาบันชั้นสูงในต่างประเทศแฉถึงกฏหมิ่น!!!!!


โดย : ป้าพลอย

ทุกๆคนในประเทศไทยคงอยากจะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระบบกฏหมายหมิ่นต่อ

สถาบันเบื้องสูงในต่างประเทศว่าเขาออกกฏข้อบังคับเช่นในประเทศไทยหรือไม่?

สถาบันชั้นสูงเช่นในอังกฤษ สวีเดน เดนมารค์ เบลเยี่ยม เนเธอแลนด์ สเปนฯ

โมนาโค นอรเวย์ ยังไม่เคยอ่านข่าวพบว่าได้มีกฏหมายหมิ่นใช้ในประเทศที่กล่าวนามมานี้ในหน้า

หนังสือพิมพ์และแม็กกาซีนต่างๆ

เห็นพวกหนังสือพิมพ์เขียนล้อเลียนประกอบภาพเจ้าชายและเจ้าหญิงต่างประเทศทุกกิริยาบท

ไม่

เห็น มีการจับใครเข้าคุกหรือต้องคดีหมิ่นแม้แต่สักคนเดียว

ทั้งที่ประเทศอังกฤษที่เป็นแม่อย่างแต่ก็ไม่เห็นกฏหมายในประเทศอังกฤษห้าม

ไม่ไห้หมิ่นเชื้อพระวงค์เห็นหนังสือพิมพ์ในอังกฤษก็เขียนแฉเรื่องลูกชายของ

เจ้าหญิงไดน่าทั้งสองคนเดี๋ยวเรื่องนั้นเดี๋ยวเรื่องนี้เป็นประจำ

อีกทั้งเขียน เกี่ยวกับเจ้าชายชาร์และคามิลลาออกทุกสัปดาห์ทำไมเขา

จึงอิสระทั้งที่บางครั้งก็เขียนไปในทางเสี่อมเสียด้วยซ้ำแต่ทางอังกฤษไม่ออก

กฏหมาจับนักข่าวหรือต่อต้านประชาชนเรื่องหมิ่น? ฉะนั้น

ข่าวของนักเขียน ชาวออสเตรียเลียที่กำลังฮือฮาในขณะนี้ทำให้สถาบันชั้นสูงในต่างประเทศต่างงง

กับข้อหานี้ทำไมจึงวางกฏต่อผู้ที่แค่คำพูดถึงต้องลงโทษอย่างร้ายแรงกันขนาด

นี้ติดคุกล่ามด้วยโซ่เช่นนักโทษฆ่าคนตาย

ฉะนั้นคิดว่าองค์กรที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ถูกรังแกนี้คงจะนิ่งเฉยไม่

ได้ อีกต่อไปตามที่ข่าวต่างประเทศได้ลงข่าวคงต้องตรวจเช็กให้ความเป็นธรรมเกี่ยว

กับเรื่องนี้เพราะในประเทศจีนก็มีเป็นจำนวนมากที่จับคนมาลงโทษอย่างไม่เป็น

ธรรม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก

น้อยในประเทศไทยเพราะสถาบันชั้นสูงในต่างประเทศได้เห็นการกระทำในประเทศไทยการเกินควรทั้งที่กฏระเบียบก็ไม่แตกต่างไปจากของต่างประเทศ

ฉะนั้นทำไมจึงไม่ผันผ่อนลดใน

สิ่ง ที่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนและกลายเป็นปัญหาให้แก่สถาบันเอง

หากปล่อยไปตามธรรมชาติผู้คนก็จะไม่มีใครสนใจเหมือนสถาบันชั้นสูงในต่าง

ประเทศหนังสือเขียนอย่างไรไม่

สดุ้งสะเทือนเดี๋ยวมันก็ล้าไปเอง

ยิ่งไปทำแคร์ไปเข้มงวดไปปิดไปปกผู้คนก็จะอยากรู้อยากเห็น

เพิ่มขึ้นเหมือนที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว

ดังนั้นข่าวที่ออกมาเรื่องนักเขียนชาวออสเตรียเลียที่เป็นข่าว

ฮือ ฮานี้ได้ตีแสกหน้าระบบกฏหมายไทยเข้าอย่างแรง

และต่างก็ได้เห็นความลำเอียงของการเลือกปฏิบัติของผู้ที่กำกฏหมายอยู่ในมือ

เรื่องของผู้ก่อการร้ายพันธมิตรที่ยังไม่ได้จัดการแม้แต่น้อย

ตอนนี้ก็ได้ประจักต่อชาวโลกอย่างชัดๆว่าความยุติธรรมไม่มีอยู่ในประเทศสยาม

อีกต่อไป

เพราะศักดินาและอำมาตย์รวมทั้งพรรคการเมืองที่ห้อยก้นทำ

ความเสียหายให้สถาบันชั้นสูงของไทยที่ร่วมกันกดดันประชาชนให้ยอมจำนนโดยใช้

กฏหมิ่นบังคับเป็นเครื่องมือหาอำนาจใส่ตัว

โดยเอาประชาชนเป็นตัวประกัน ยัดเยียดข้อหาหมิ่นให้ตามที่นักข่าวได้สาธยาย

มันเป็นความจริงที่นักข่าวได้เขียนเพราะทุกอย่างมันออกมาเป็นรูปนี้ดังต่าง

ประเทศวิจารณ์ เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า

เป็นเรื่องเท็จเพราะมันเป็น

เรื่องจริงในเมื่อคนที่อยู่ในประเทศไม่สามารถอ้าปากบอกใครได้เพราะกฏหมาย

หมิ่นที่ศักดินาและอำมาตย์ยัดข้อหาหมิ่นใส่ปากประชาชนทุกคนห้ามเปิดปาก

ห้ามเขียนสำหรับฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ต่ออำมาตย์และศักดินา แต่สำหรับนายสนธิ

ลิ้มและพันธมิตร

ให้สิทธิ์พิเศษที่สามารถลบลู่ดูหมิ่นสารพัดที่ทำ

แต่ไม่มีใครออกมาต่อต้านคัดค้านหรือจับเข้าคุก

ขบวน การเผด็จการมองดูคนเหล่านี้ทำลายชาติทำลายชื่อเสียงประเทศไทยย่ำยีสถาบัน

ชั้นสูงของไทยให้เสื่อมเสียโดยใช้ภาพประจานไปทั่วในการก่อม๊อบที่ยึดสนามบิน

สุวรรณภูมิและดอนเมืองนี่คือความผิดอย่างมหันสำหรับคนที่ได้กระทำ

เพราะ ไม่ควรนำเอารูปผู้สูงศักดิ์เป็นที่เคารพของคนทั้งประเทศมา เปื้อนในสิ่งที่ตัวเองทำอย่างสกปรกและนี่คือตัวหมิ่นตัวสำคัญต่อสถาบันชั้น

สูงทีเป็นตัวจริงของจริงดังที่ต่างประเทศประนามฉะนั้นคนที่กระทำที่เห็นอยู่

โต้งๆชัดๆแต่กับไม่ลงโทษ

นี่คือความจริงที่ต่างประเทศทลายแฉออกมาสู่ชาวโลกให้ได้เห็นธาตุแท้ของกลุ่ม

เผด็จการที่กุมอำนาจกฏหมายไทยที่อยู่ในมือคนเหล่านี้ทั้งหมด....

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553



ผมกราบขออภัย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มาณ ที่นี้ด้วยที่ผม ล่วงเกินท่านมาตลอดสามปี เพราะผมเข้าใจผิด
ผมกราบขออภัย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มาณ ที่นี้ด้วยที่ผม ล่วงเกินท่านมาตลอดสามปี เพราะผมเข้าใจผิด

ผมเข้าใจผิดครับ ว่าท่านเป็นผู้สั่งการในการก่อการรัฐประหาร ในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙

แต่มาวันนี้ ผมทราบถึงข้อเท็จจริงว่าท่าน

ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการให้กองกำลัลทหารไปยึดอำนาจได้

ท่านไม่มีอำนาจที่จะสั่งการให้ตุลาการตัดสินตามความปราถนาของท่านได้

ท่านไม่มีอำนาจที่จะสั่งการใครได้ เพราะท่านไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมีใดเลย

ท่นเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดให้กับระบบศักดินาเท่านั้น

คนที่ผมต้องประณาม ก็คือ คนใช้ท่านเป็นแพะรับบาป

คนที่บงการทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ผมจึงขอกราบขออภัยที่ผมได้ล่วงเกินท่านมาตลอดสามปีที่ผ่านมา

เพราะผมเข้าใจผิดว่าท่านคือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ แต่แท้ที่จริงท่านเป็นเพียงหุ่นเชิด

ที่ไม่มีค่า ไม่มีราคาแต่อย่างใด

ก็เรื่องมันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ผมบอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าตีเปรมไปก็ไม่มีความหมาย

หนังหน้าไฟ

ผมโดนล้างสมอง หรือว่าตาสว่าง




ไปชุมนุมกับเขาตั้งแต่ สวนลุม กับ เมืองไทยรายสัปดาห์ไล่ ทักษิณ เรื่องราวผ่านมามากมาย กลับกลายเป็นสีแดง แต่ตอนนี้ไหงผมกลายเป็น!!!

ตอนเป็นแดง(ที่เขาเรียกแดงสยาม)

ตอนเป็น เหลือง ด่าพวกทาสทักษิณ

เป็นเสื้อแดง รู้ว่าเสื้อแดงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เหลืองมาก(แต่เหลืองนึกว่าแค่ทักษิณ)แต่ตอนนี้ ด่าเสื้อแดง เพราเป้าหมายเสื้อแดงที่ว่ายิ่งใหญ่ เล็กไปเลย(แต่ไม่มีไม่ได้)
เมื่อได้ข้อมูลและความจริง ตอนนี้รู้เลยว่าความรู้สึกเหมือนประเทศเราไม่ได้หนีพม่า

ไม่ใช่! พม่าดีกว่า
(แต่เราดีกว่าในรูปแบบการปกครอง)แต่ความรู้สึกเราเหมือนเกาหลีเหนือมากกว่า มันเกิดอะไรกันขึ้นเมื่อผมแอบไปเข้า webที่เขาห้าม เพราะดันปิดเวปต่างๆ ตอนเมษา ทำให้ผมต้องวิ่งหาข้อมูลมากมายที่ผมว่ารู้เรื่องดีแล้ว เหมือนไล่ผม ไปสุดซอยเลยรู้เรื่องในซอยมากมายที่ไม่เคยรู้ ทั้งความรู้ที่เป็นจริง ที่ต่างประเทศเขาคิด การปกครอง รูปแบบต่างๆที่เคยโดนหลอกว่าเราเป็น ใครคือสิ่งที่เราต้อง ลด กำจัด และเป็นแนวทางที่เราต้องไป

คนต่ำต้อยอย่างผม มีธุรกิจ เล็กน้อย แล้วที่เขาน้อยกว่าผม พวกกินเงินเดือน

ชาวนาชาวไร่ เขายังไม่ตาสว่าง บางคนนึกว่าตัวเองดูดีไปไล่ ชาวไร่ชาวนา

ซึ่งมุมมองผมเราไม่ต่างกันเลย


อยากเห็นคนที่จะเข้ามาด่าผม ณ ตอนนี้
อยากเห็นว่าเมื่อเวลามันผ่านไป หรือเขารับข้อมูลเท่าๆกับผม เขายังคิดแบบวันนี้ แบบที่ด่าผมอยู่หรือเปล่า

ฟังทุกคนพูดอย่างเปิดใจจริง เหมือนเคยฟังสนธิ และเสื้อแดงพูด

ตอนนี้คุณต้องเปิดใจฟังคนต่อไปพูดบ้างแล้ว


Keyword:
อาคม,จักรภพ,อ.ใจ,ตำนาน ซีรีย์, ฯลฯ, เขาคือกบฏ ต่อระบบ
แต่เขาเป็นกบฏในระบบ
matrix
เมื่อคุณอยู่ในระบบ
matrix เราต้องเอาปืนยิงเขา ,ทำหน้าตกใจเมื่อเขาพูด, ต้องจัดการ
แต่เมื่อคุณเริ่ม ประกาศตัวออกจากระบบ matrix คุณคือ กำลังหนุน ที่ต้องคอย หลบอยู่ในถ้ำด้วยความหวาดกลัว เพราะคุณทำไรไม่ได้ แต่คุณต้องการออกมาจากระบบ ออกมาต้องหลบซ่อนๆ แต่ก็ต้องยอมออกมา เมื่อไหร่จะมีคนมาปลดปล่อย

ครั้งนี้คือประวัติศาสตร์ ศึกครั้งนี้ เราได้โอกาสอีกครั้ง เราจะชนะไหม เราเคยแพ้ศึกย่อมๆ มาหลายครั้ง 90 02 16 19 35 โดนหลอกมาหลายครั้งว่าปลดทุกคนออกจากระบบ แต่ก็หลอกเรา ศึกครั้งเราไม่ได้ร้องขอ แต่เขาไม่มีทางเลือกเหมือน เขาสร้าง loop ขึ้นมาเอง
เราเป็น
logic แต่การ reset loop ครั้งนี่ย่อมมีช่องว่างให้เราแทรกผ่านและ อาจบังเกิด neo คนใหม่ ซึ่ง neo คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เราคาดไม่ถึง
neo คนนั้ันอาจจะเป็นagentหรือไม่เป็นถึงผู้ดูแลระบบ
neo คนนั้ันอาจจะเป็น virus ของระบบ
neo คนนั้ันอาจจะเป็น อาจจะเป็นถึงเจ้าของระบบ
neo คนนั้ันเดินลงมาจากฟ้าแล้วบอกว่าเราเท่ากัน เรามาอยู่ด้วยกันอย่างเท่าเทียมกอดเราแล้วเรียกเราว่า ..........สหาย

กลับมาสู่เวลาปัจจุบัน............................แต่ตอนนี้เรายังเป็นไฟร่อยู่